Friday, 24 March 2023

ศาลอิหร่านสั่งประหารชีวิตผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องกับการประท้วงเป็นรายแรก

ศาล อิหร่าน ตัดสินประหาร บุคคลรายหนึ่งที่มีความเกี่ยวข้องกับการประท้วงรุนแรงและกินเวลา นับเป็นผู้ประท้วงรายแรกที่โดนตัดสินโทษประหาร นอกนั้นศาลยังตัดสินจำคุกผู้ประท้วงอีก 5 ราย

เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2565 สำนักข่าวอัลจาซีราห์ กล่าวว่า ศาลปฏิวัติในกรุงเตหะราน ของอิหร่าน ตัดสินว่า จำเลยรายหนึ่งซึ่งไม่เปิดเผยนาม มีความผิดในข้อกล่าวหา “เป็นปฏิปักษ์ต่อพระเป็นเจ้า” และ “เผยแพร่การโกงฉ้อฉลบนโลก” เกี่ยวกับเหตุประท้วงอลหม่านก่อไฟเผาศูนย์ราชการ และทำลายความสงบสุขของสาธารณะ ก่อคดีต่อต้านความมั่นคงของชาติ จำต้องรับโทษประหาร โดยเขาเป็นผู้ประท้วงรายแรกที่ถูกจับจับตัวฟ้องร้องคดีและได้รับโทษประหารชีวิต นับตั้งแต่เริ่มมีการประท้วงร้ายแรงที่อิหร่าน เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา

ด้านสำนักข่าว IRNA ของอิหร่านกล่าวว่า มีผู้ประท้วงอีก 5 รายโดนตัดสินติดคุกระหว่าง 5-10 ปี ในข้อหา ทำลายความสงบสุขของสาธารณะ ก่อคดีต่อต้านความมั่นคงของชาติ โดยคำตัดสินของศาลนับว่าเป็นในขั้นต้นและทนายจำเลยสามารถขออุทธรณ์ได้

ทั้งนี้ สถานการณ์ในอิหร่านยังคงวุ่นวายจากการประท้วงในหลายเมืองทั่วประเทศที่ดำเนินมาเป็นเวลานานหลายสัปดาห์ ภายหลังการเสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำของมาห์ชา อามีนิ หญิงสาวเชื้อสายเคอร์ดิช วัย 22 ปีภายใต้การควบคุมตัวของตำรวจ เมื่อเดือนกันยายน2565 ซึ่งบรรดาผู้ประท้วงมั่นใจว่าเธอเสียชีวิตจากการเช็ดกทรมาน ประทุษร้ายในคุก.

ประท้วง อิหร่าน สั่งประหารชีวิต

ศาลอิหร่าน ตัดสินประหารเป็นรายแรก ผู้เข้าร่วม อิหร่าน ต้านรัฐ

วันที่ 14 พฤศจิกายน บีบีซี กล่าวว่า สื่อทางการอิหร่านแจ้งข่าวว่า ศาลอิหร่าน พิพากษ์ประหารผู้โดนจับจับฐานเข้าร่วมสำหรับเพื่อการประท้วงที่แผ่ขยายไปทั่วประเทศ โดยศาลปฏิวัติในกรุงเตะหรานพบว่า จำเลยที่ไม่ได้รับการเปิดเผยชื่อ จุดไฟเผาที่กระทำการรัฐบาล และมีความผิดเป็นปฏิบัติต่อพระผู้เป็นเจ้า

ขณะกลุ่มสิทธิมนุษยชนอิหร่าน (Iran Human Rights) เตือนว่า ทางการอิหร่านบางทีอาจวางแผนประหารชีวิตอย่างรีบร้อน โดยอ้างรายงานทางการว่า มีผู้ถูกตั้งข้อหาที่สามารถได้รับโทษตายได้อย่างน้อย 20 คน

นายมาห์มูด อามีรี-โมกัดดัม ผู้อำนวยการกลุ่มสิทธิมนุษยชนอิหร่าน เรียกร้องให้ชุมชนระหว่างชาติจัดการเร่งด่วนและเตือนอิหร่านอย่างแข็งขันถึงผลลัพธ์ที่จะตามมาสำหรับเพื่อการประหารกลุ่มผู้ประท้วง

ทั้งนี้ การประท้วงเกิดขึ้นเมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา ภายหลังการเสียชีวิตของหญิงสาวรายหนึ่งขณะถูกตำรวจศีลธรรมกักตัวเพราะเหตุว่าฝืนกฎหมายการสวมฮิญาบที่เคร่ง มีรายงานการประท้วง 140 เมืองทั่วประเทศ

กลุ่มสิทธิมนุษยชนอิหร่านกล่าวว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 326 ราย (ในปริมาณนี้เป็นเด็ก 43 ราย และผู้หญิง 25 ราย) จากการปราบปรามอย่างรุนแรงโดยกองกำลังรักษาความมั่นคง

ส่วนสำนักข่าวนักเคลื่อนสิทธิมนุษยชน (Human Rights Activists News Agency – HRANA) ที่อยู่นอกอิหร่านเช่นเดียวกัน กล่าวว่า ยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 339 ราย และกลุ่มผู้ประท้วงอีก 15,300 คน ถูกคุมตัว และเจ้าหน้าที่รักษาความมั่นคงเสียชีวิต 39 นาย

ด้านชนชั้นนำของอิหร่านวาดภาพการประท้วงว่าเป็น “จลาจล” ที่ศัตรูต่างชาติของประเทศยุยง ล่าสุด เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว นายโกลัมฮุสเซน โมห์เซนี เอเจย์ หัวหน้าศาลยุติธรรม ประกาศว่า ควรจะระบุตัวผู้ที่กระทำความผิดคนสำคัญให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และตัดสินคดีโทษที่จะส่งผลยับยั้งชั่งใจผู้อื่นได้

นายเอเจย์เตือนว่า ผู้ก่อจลาจลบางทีอาจถูกตั้งข้อหา “โมฮาเรเบห์” (เป็นศัตรูกับพระผู้เป็นเจ้า), “เอฟซาด ฟิล-อาร์ซ” (ทุจริตบนโลก) และ “เบกี” (กบฏติดอาวุธ) ทั้งหมดนี้มีโทษประหารในระบบกฎหมายตามชารีอะห์ของอิหร่าน

หัวหน้าศาลยุติธรรมกล่าวอีกว่า ผู้ครอบครองและใช้อาวุธหรืออาวุธปืน ก่อกวนความมั่นคงของชาติ หรือสังหารคนใดกัน บางทีอาจได้รับ “กีซาซ” (การตอบโต้ในรูปแบบเดียวกัน) เป็นการตอบสนองต่อการเรียกร้องความเป็นธรรมด้วยการลงโทษจากสมาชิกรัฐสภาอิหร่าน 272 คนจากทั้งหมด 290 คน

สื่อแคว้นอ้างเจ้าหน้าที่ศาล มีผู้ถูกตั้งข้อหามากกว่า 2,000 คนจากการมีส่วนร่วมในจลาจลครั้งล่าสุด ในปริมาณนี้ 164 คนอยู่ในจังหวัดฮอร์มอซกัน ตอนใต้ อีก 276 คนอยู่ในจังหวัดมาร์กาซี ตอนกลาง และ 316 คนอยู่ในจังหวัดอิสฟาฮันที่อยู่ใกล้เคียง

ประท้วง อิหร่าน ผู้ต้องหา

ศาลอิหร่านมีคำพิพากษาประหารชีวิตผู้ประท้วงรายหนึ่งซึ่งก่อไฟเผาสถานที่ราชการ สำหรับเพื่อการประท้วงเรียกร้องความยุติธรรให้ “มาห์ซา อามินี”

นับตั้งแต่เรื่องที่ “มาห์ซา อามินี” หญิงชาวเคิร์ด-อิหร่านวัย 22 ปี เสียชีวิตเมื่อวันที่ 16 กันยายน หลังถูก “ตำรวจศีลธรรม” จับกุม ด้วยเหตุว่าไม่สวมใส่ฮิญาบคลุมผมและใส่ชุดที่เผยท่อนแขนและขา ก็เกิดเหตุประท้วงร้ายแรงอย่างสม่ำเสมอในอิหร่าน

จนกระทั่งรัฐบาลตัดสินใจใช้ไม้แข็ง ด้วยการลงมติผ่าน “กฎหมายประหารชีวิตผู้ที่ก่อคดีร้ายแรงต่อเมือง” ซึ่งหมายความรวมถึงเหล่าผู้ประท้วงที่ออกมาเรียกร้องความยุติธรรมให้กับอามินีด้วยความโกรธแค้น

และล่าสุดสื่อแคว้นอิหร่านกล่าวว่า ศาลอิหร่านได้มีคำวินิจฉัยประหารผู้ประท้วงรายหนึ่งโดยไม่เปิดเผยชื่อ ซึ่งจุดไฟเผาสถานที่ราชการในระหว่างการประท้วง จากความผิด ฐาน “ก่อกวนความสงบเรียบร้อยของสาธารณะ และการสมรู้ร่วมคิดกันก่ออาชญากรรมต่อความมั่นคงของชาติ ก่อสงครามและความชั่วร้ายบนโลก ก่อสงครามผ่านการลอบวางเพลิง และเจตนาทำลายล้าง”

นอกนั้น ยังมีผู้ประท้วงอีก 5 คนถูกจำคุก 5-10 ปี ภายใต้ข้อหาก่อกวนความสงบเรียบร้อยของสาธารณะ และการสมรู้ร่วมคิดกันก่อคดีต่อความมั่นคงของชาติ

ตลอดเวลาเกือบจะ 2 เดือนที่ผ่านมาที่เกิดเหตุประท้วง ทางการอิหร่านได้พยายามกำจัดผู้ประท้วงด้วยความรุนแรง โดยจับกุมและฟ้องร้องคดีกับผู้ประท้วงแล้วอย่างน้อย 1,000 คน และสังหารผู้ประท้วงไปแล้วถึง 326 ราย ทำให้นี่เป็นหนึ่งสำหรับเพื่อการประท้วงที่นองเลือดที่สุดคราวหนึ่งของอิหร่าน

องค์การสหประชาชาติ หรือยูเอ็น (UN) ได้ออกมาเรียกร้องให้ทางการอิหร่าน “หยุดการใช้โทษประหารกับผู้ที่เข้าร่วมหรือถูกใส่ร้ายป้ายสีว่ามีส่วนร่วมสำหรับเพื่อการชุมนุมอย่างสันติ” และ “หยุดใช้โทษประหารเป็นครื่องมือในการกำจัดการประท้วง”